seach
20 ธ.ค. 2567
ความคืบหน้าการจ่ายเงินตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ (โครงการฯ) ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายโครงการรวมประมาณ 14.55 ล้านคน กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้จ่ายเงิน 10,000 บาทต่อราย ให้แก่กลุ่มเป้าหมายตั้งแต่วันที่ 25 กันยายน 2567 ถึงวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยมียอดรวมที่จ่ายเงินสำเร็จแล้ว เป็นจำนวนทั้งสิ้น 14,450,168 ราย
20 ธ.ค. 2567
ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 19 ธันวาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 25,393 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,200.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2567 จำนวน 2,033 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 79.10 ล้านบาท
18 ธ.ค. 2567
เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 1 ฉบับ และร่างกฎกระทรวงกำหนดทรัพย์สินที่ได้รับยกเว้นจากการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง(ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... จำนวน 2 ฉบับ ตามพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พ.ศ. 2562
9 ธ.ค. 2567
ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 6 ธันวาคม 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 24,340 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,158.91 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 980 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 37.20 ล้านบาท และล่าสุดธนาคารออมสินได้จัดให้มีโครงการสินเชื่อสร้างงานสร้างอาชีพ เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนเสริมสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ หรือนำไปชำระหนี้นอกระบบ โดยมีเงื่อนไขที่ผ่อนปรน ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่ธนาคารออมสินทุกสาขาทั่วประเทศ
3 ธ.ค. 2567
ที่ประชุมคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบการกำหนดระยะเวลาการยืนยันตัวตน (e-KYC) สำหรับผู้ผ่านคุณสมบัติโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 (โครงการฯ) สำหรับกลุ่มที่ยังไม่มายืนยันตัวตนเพื่อรับสิทธิสวัสดิการ จำนวน 878,431 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 7 พฤศจิกายน 2567) โดยผู้ผ่านคุณสมบัติกลุ่มดังกล่าวจะต้องดำเนินการยืนยันตัวตน และผลการยืนยันตัวตนต้องแสดงสถานะว่า “ผ่านการยืนยันตัวตน (e-KYC)” ภายในวันที่ 26 ธันวาคม 2567 เพื่อรับสิทธิสวัสดิการภายใต้โครงการฯและสามารถใช้สิทธิสวัสดิการผ่านบัตรประจำตัวประชาชนได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2568 เป็นต้นไป
1 ธ.ค. 2567
จากสถานการณ์อุทกภัยในหลายพื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะบริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคใต้ ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อทรัพย์สินและกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ และการดำเนินธุรกิจของประชาชนเป็นอย่างมาก ดังนั้น เพื่อให้ปัญหาดังกล่าวได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน กระทรวงการคลังร่วมกับสถาบันการเงินของรัฐทั้ง 8 แห่ง ร่วมกันออกมาตรการด้านการเงินเพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพ และประกอบธุรกิจต่อไปได้
28 พ.ย. 2567
กระทรวงการคลังโดยกรมบัญชีกลางได้ทำการจ่ายเงินในโครงการฯ มาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนกันยายน 2567 และจะมีการจ่ายเงินในรอบการจ่ายซ้ำ (Retry) ครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการจ่ายเงินครั้งสุดท้าย ในวันที่ 19 ธันวาคม 2567 โดยเมื่อพ้นวันดังกล่าวจะยุติการจ่ายเงินให้แก่กลุ่มเป้าหมาย และถือว่ากลุ่มเป้าหมายไม่ประสงค์รับเงินภายใต้โครงการฯ อย่างไรก็ดี จากข้อมูลเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 พบว่า มีผู้ได้รับเงินแล้ว 14,437,625 ราย และยังมีผู้มีสิทธิที่ยังมีปัญหา 3 กลุ่ม รวมจำนวน 75,415 ราย
28 พ.ย. 2567
“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนพฤศจิกายน 2567 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าที่ยังส่งสัญญาณบวกในทุกภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันตก ตามแนวโน้มการขยายตัวในภาคบริการและภาคเกษตร โดยส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ ทั้งนี้ ยังต้องติดตามความผันผวนของสภาพอากาศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวและปริมาณผลผลิตเกษตร รวมถึงความผันผวนของเศรษฐกิจโลก”
25 พ.ย. 2567
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดเดือนตุลาคม 2567 ซึ่งเป็นเดือนแรกของปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 205,098 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 586,922 ล้านบาท ส่งผลให้เงินคงคลัง ณ สิ้นเดือนตุลาคม 2567 มีจำนวนทั้งสิ้น 270,561 ล้านบาท
22 พ.ย. 2567
ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 21 พฤศจิกายน 2567 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 23,360 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,121.71 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 จำนวน 960 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 57.02 ล้านบาท