seach
30 ม.ค. 2568
“ดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาคประจำเดือนมกราคม 2568 สะท้อนความเชื่อมั่นเศรษฐกิจใน 6 เดือนข้างหน้าที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่องในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะในภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคเหนือ ตามแนวโน้มการขยายตัวในภาคบริการและภาคเกษตรเป็นสำคัญ รวมถึงการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และนโยบายภาครัฐ อาทิ มาตรการ Easy E-Receipt 2.0 ทั้งนี้ ต้องติดตามประเด็นความผันผวนของสภาพอากาศและทิศทางเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะการดำเนินนโยบายของประเทศเศรษฐกิจหลัก”
30 ม.ค. 2568
“เศรษฐกิจไทยปี 2567 คาดว่าจะขยายตัวที่ร้อยละ 2.5 โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชนและการส่งออก แม้เผชิญความผันผวนจากนโยบายเศรษฐกิจโลก ขณะที่ในปี 2568 คาดว่าจะขยายตัวเร่งขึ้นสู่ร้อยละ 3.0 จากแรงหนุนของการบริโภคภาคเอกชน การส่งออกสินค้า การท่องเที่ยว และการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชน โดยกระทรวงการคลังจะติดตามสถานการณ์และดำเนินนโยบายสนับสนุนอย่างใกล้ชิด เพื่อรักษาเสถียรภาพและเสริมสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนของเศรษฐกิจไทย”
28 ม.ค. 2568
เมื่อวันจันทร์ที่ 27 มกราคม 2568 กระทรวงการคลัง โดยกรมบัญชีกลาง ได้มีการโอนเงิน 10,000 บาท ตามโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ให้กลุ่มเป้าหมายจำนวน 3,025,596 ราย โดยมีผลการโอนเงินแบ่งเป็น โอนเงินสำเร็จจำนวน 2,825,076 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 93.37) โอนเงินไม่สำเร็จจำนวน 200,520 ราย (หรือคิดเป็นร้อยละ 6.63)
27 ม.ค. 2568
ในวันนี้ (27 มกราคม 2568) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะรัฐมนตรี ได้เปิดตัวโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) ณ ตึกสันติไมตรี (หลังใน) ทำเนียบรัฐบาล โดยเป็นวันที่กรมบัญชีกลางได้ทำการโอนเงิน 10,000 บาท ให้แก่ผู้ได้รับสิทธิของโครงการฯ จำนวน 3,025,596 ราย
22 ม.ค. 2568
ฐานะการคลังของรัฐบาลตามระบบกระแสเงินสดในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม - ธันวาคม 2567) รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น จำนวน 612,835 ล้านบาท ในขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้นจำนวน 1,261,839 ล้านบาท
22 ม.ค. 2568
ผลการจัดเก็บรายได้รัฐบาลสุทธิในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2568 (ตุลาคม – ธันวาคม 2567) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ จำนวน 614,557 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 14,133 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.4 ต่ำกว่า
ช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 1.4
21 ม.ค. 2568
การประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ (วันที่ 21 มกราคม 2568) ได้มีมติอนุมัติหลักการร่างกฎกระทรวงการคลังกำหนดพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่..) พ.ศ. .... โดยกำหนดหลักเกณฑ์สำหรับกลไกราคาคาร์บอนในพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน ซึ่งร่างกฎกระทรวงดังกล่าวเสนอโดยกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นการกำหนดให้มีกลไกราคาคาร์บอนในโครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่จัดเก็บจากสินค้าน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมัน เพื่อให้ภาครัฐสามารถใช้มาตรการทางภาษีนี้เป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักให้แก่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคและผลิตสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก อีกทั้งเป็นเครื่องมือที่สร้างโอกาสให้รัฐบาลสามารถเจรจาการค้าระหว่างประเทศที่ให้ความสำคัญต่อการใช้ทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพและคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยในส่วนของมาตรการนี้จะไม่มีผลกระทบต่อราคาขายปลีกน้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันแต่อย่างใด
17 ม.ค. 2568
ผลการดำเนินการตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 – 16 มกราคม 2568 มีประชาชนที่เป็นหนี้นอกระบบได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือทางการเงินไปแล้วจำนวน 50,980 ราย ยอดอนุมัติรวมทั้งสิ้น 1,807.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากแถลงข่าวกระทรวงการคลังเมื่อวันที่ 3 มกราคม 2568 จำนวน 903 ราย และมียอดอนุมัติเพิ่มขึ้น 29.82 ล้านบาท
16 ม.ค. 2568
เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2567 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ (โครงการฯ) โดยภาครัฐจะสนับสนุนเงินจำนวน 10,000 บาทต่อคน แก่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติเป็นไปตามเงื่อนไขของโครงการฯ จำนวนประมาณ 4 ล้านราย
13 ม.ค. 2568
กระทรวงการคลังเล็งเห็นความจำเป็นในการให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการ SME ในทุกภาคธุรกิจ รวมถึงผู้ประกอบการ SME รายย่อย ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้อย่างทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพื่อให้มีสภาพคล่องเพียงพอในการฟื้นฟู ปรับปรุงกิจการ ขยายธุรกิจ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาขีดความสามารถของการดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง จึงได้เสนอมาตรการด้านการเงินจำนวน 2 โครงการ ได้แก่ 1) โครงการสินเชื่อปลุกพลัง SME และ 2) โครงการสินเชื่อ Beyond ติดปีก SME ดำเนินการโดยธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) ซึ่งคณะรัฐมนตรีในคราวการประชุมเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2568 ได้มีมติเห็นชอบแล้ว